การบริหารงานคุณภาพในองค์กร
💕ความหมายและขอบข่ายของการบริหารงานคุณภาพในองค์กร
1. ความหมายของการบริหารงานคุณภาพในองค์กร คือ กระบวนการบริหารงานที่ประกอบด้วย นโยบายคุณภาพ วัตถุประสงค์ คุณภาพ การวาแผนงานคุณภาพ ระบบการบริหารจัดการเชิงคุณภาพ ระบบการตรวจสอบหรือการประเมินผล และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ของพนักงานและของสังคม
💓หลักการบริหารงานคุณภาพในองค์กร
หลักการพื้นฐานของการบริหารงานคุณภาพในองค์กร ประกอบด้วย
1. มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า คือการมุ่งเน้นที่ลูกค้า โดย
👉 รับสินค้าหรือบริการแล้ว
👉ตรวจาสอบความต้องการของลูกค้า โดยให้ความคาดหวังมีความสมดุลกับ
ความพอใจ
👉ประเมนผลความพึงพอใจของลูกค้าเท่ากับความคาดหวังหรือไม่ ต้อง
ปรับปรุงในเรื่องอะไร
👉สร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับองค์กร เพื่อให้องค์กรได้รับข้อมูล
ความต้องการที่ถูกต้อง โดยการจัดระบบการบริหารลูกค้าสัมพันธ์
👉สร้างระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ให้ทั่วทั้งองค์กรร่วมตอบสนอง
ความต้องการของลูกค้า (พนักงานทุกคนมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของลูกค้า)
2. บริหารงานอย่างเป็นผู้นำ (Leadership)
ผู้นำขององค์กรใช้หลักการบริหารอย่างเป็นผู้นำ เพื่อนำทางให้เพื่อนร่วมงานในองค์กรไปสู้เป้าหมายคุณภาพ ทั้งนี้ต้องคงไว้ซึ่งบรรยากาศการทำงานที่มีประสิทธิภาพด้วย แนวทางการบริหารงานอย่างเป็นผู้นำ ได้แก่
🌻 กำหนดวิสัยทัศน์ ให้ชัดเจนตรงตามความต้องการของลูกค้า
🌻 ตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย แล้วสร้างขวัญกำลังให้พนักงานมุ่งมั่นสู้เป้าหมาย
🌻 สร้างค่านิยมส่งเสริมคุณภาพในองค์กรด้วยการฝึกอบรม
🌻. สร้างคุณค่าการทำงานด้วยการส่งเสริมระบบความร่วมมือให้เกิดขึ้นภายในองค์กร
🌻 สร้างจริยธรรมที่ดีในการทำงานด้วยการเป็นแบบอย่างให้พนักงานเห็น
🌻 สร้างความเชื่อมั่นขจัดความกลัวและความไม่มั่นคงขององค์กร ด้วยการสร้างความสามัคคี และมีส่วนร่วมในการบริหารงาน
1. ความหมายของการบริหารงานคุณภาพในองค์กร คือ กระบวนการบริหารงานที่ประกอบด้วย นโยบายคุณภาพ วัตถุประสงค์ คุณภาพ การวาแผนงานคุณภาพ ระบบการบริหารจัดการเชิงคุณภาพ ระบบการตรวจสอบหรือการประเมินผล และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ของพนักงานและของสังคม
💓หลักการบริหารงานคุณภาพในองค์กร
หลักการพื้นฐานของการบริหารงานคุณภาพในองค์กร ประกอบด้วย
1. มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า คือการมุ่งเน้นที่ลูกค้า โดย
👉 รับสินค้าหรือบริการแล้ว
👉ตรวจาสอบความต้องการของลูกค้า โดยให้ความคาดหวังมีความสมดุลกับ
ความพอใจ
👉ประเมนผลความพึงพอใจของลูกค้าเท่ากับความคาดหวังหรือไม่ ต้อง
ปรับปรุงในเรื่องอะไร
👉สร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับองค์กร เพื่อให้องค์กรได้รับข้อมูล
ความต้องการที่ถูกต้อง โดยการจัดระบบการบริหารลูกค้าสัมพันธ์
👉สร้างระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ให้ทั่วทั้งองค์กรร่วมตอบสนอง
ความต้องการของลูกค้า (พนักงานทุกคนมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของลูกค้า)
2. บริหารงานอย่างเป็นผู้นำ (Leadership)
ผู้นำขององค์กรใช้หลักการบริหารอย่างเป็นผู้นำ เพื่อนำทางให้เพื่อนร่วมงานในองค์กรไปสู้เป้าหมายคุณภาพ ทั้งนี้ต้องคงไว้ซึ่งบรรยากาศการทำงานที่มีประสิทธิภาพด้วย แนวทางการบริหารงานอย่างเป็นผู้นำ ได้แก่
🌻 กำหนดวิสัยทัศน์ ให้ชัดเจนตรงตามความต้องการของลูกค้า
🌻 ตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย แล้วสร้างขวัญกำลังให้พนักงานมุ่งมั่นสู้เป้าหมาย
🌻 สร้างค่านิยมส่งเสริมคุณภาพในองค์กรด้วยการฝึกอบรม
🌻. สร้างคุณค่าการทำงานด้วยการส่งเสริมระบบความร่วมมือให้เกิดขึ้นภายในองค์กร
🌻 สร้างจริยธรรมที่ดีในการทำงานด้วยการเป็นแบบอย่างให้พนักงานเห็น
🌻 สร้างความเชื่อมั่นขจัดความกลัวและความไม่มั่นคงขององค์กร ด้วยการสร้างความสามัคคี และมีส่วนร่วมในการบริหารงาน
🌻 สร้างความเข้าใจระหว่างพนักงานกับผู้บริหารด้วยระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
3. การมีส่วนร่วมของพนักงาน (Involvement of people)
สมาชิกทุกคนขององค์กรมีความสำคัญ ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้โดย
เปิดโอกาสให้พนักงานร่วมคิด ร่วมสร้างสรรค์ หรือร่วมปรับปรุงแก้ไขปัญหาการทำงาน มีแนวทางปฏิบัติดังนี้
🌽 องค์กรยอมรับความสามารถของพนักงานและบทบาทการมีส่วนร่วมของพนักงาน
🌽 พนักงานมีความตระหนักในความเป็นเจ้าขององค์กร
🌽 สร้างกิจกรรมให้พนักงานมีส่วนร่วม
🌽 สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในบทบาทการมีส่วนร่วมของพนักงาน
🌽 เปิดโอกาสให้พนักงานำได้เพิ่มพูนประสบการณ์ ความรู้ และทักษะ ทั้งจากภายในองค์กร และภายนอกองค์กร
🌽 ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของพนักงาน
🌽 ประเมินผลงาน โดยรวมเอาผลงานความคิดสร้างสรรค์ไว้ด้วยกัน
4. การบริหารโดยกระบวนการ (Process Approach to management)
กระบวนการประกอบด้วยปัจจัยนำเข้า กระบวานการดำเนินการ และผลลัพธ์จากจากการาดำเนินงาน กระบวนการบริหารงานคุณภาพในองค์กร ไ ด้แก่
🌺ปัจจัยนำเข้า คือ ความต้องการของลูกค้า มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน วัดและประเมินตามข้อบ่งชี้ได้ นอกจากนี้ยังต้อง ให้ความสำคัญต่อปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ ด้วย
🌺 กระบวนการดำเนินงาน มีการออกแบบกระบวนการดำเนินงานทุกขั้นตอน ให้การดำเนินงานเป็นไปโดยราบรื่น ต่อเนื่อง มีระบบการควบาคุมงาน การฝึกอบรม อุปกรณ์ และวัตถุดิบอย่างเพียงพอ มีการวางแผนการดำเนินงาน โดยกำหนดความรับผิดชอบและหน้าที่อย่างชัดเจน
🌺 ผลลัพธ์จากการดำเนินงาน มีการประเมินผลลัพธ์ที่ได้ ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นและผลกระทบจากภายในและภายนอกขององค์กรที่ส่งผลต่อลูกค้า
5. การบริหารงานอย่างเป็นระบบ (System Approach to management)
คือ การมององค์กรจากโครงสร้าง ที่ประกอบด้วยฝ่ายต่างๆ ซึ่งมีหน้าที่เฉพาะ แต่การบริหารงานอย่างเป็นระบบ คือความสามารถในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกันให้ระบบความทสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายหรือหน่วยงานมีประสิทธิภาพมากพอจะสร้างผลงานคุณภาพขององค์กร การบริหาร ให้ระบบความสัมพันธ์เกิดประสิทธิภาพทำได้โดย
🍤 วางโครงสร้างขององค์กรให้เกิดระบบความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ แบ่งแยกหน้าที่แต่มีความเกี่ยวข้อง
🍤สร้างระบบความสัมพันธ์ โดยตั้งจุดประสงค์คุณภาพร่วมกัน
🍤 กำหนดวิธีการดำเนินงาน ให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น
🍤 การประเมินผลของฝ่ายและหน่วยงาน เป็นกาประเมินโดยมองการเชื่อมโยงระหว่างฝ่ายหรือหน่วยงาน
🍤 การปรับปรุงงานของฝ่ายและหน่วยงานต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อคุณภาพโดยรวมขององค์กร
6. การปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง (Continual Improvement)
การปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง คือ การสร้างมาตรฐาน่ให้เกิดขึ้น โดยการปฏิบัติดังนี้
🍚 กำหนดนโยบายการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง
🍚 สร้างระบบการบริหารให้มีกระบวนการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง
🍚จัดการฝึกอบรมให้พนักงานทุกระดับ ใช้ระเบียบวิธี PDCA ในการปฏิบัติงานและดำเนินการปรับปรุงงานทันทีที่เห็นปัญหา หรือจุดบกพร่อง
🍚 จัดกิจกรรมและปัจจัยสนับสนุนการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง
🍚 กระประเมินผลอย่างเป็นระบบ มีแผนการประเมิน มีเกณฑ์การประเมิน และมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน ย่อมทำให้พนักงานประจักร์ในความจำเป็นต้องปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง
7. ใช้ข้อเท็จจริงเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจ
การตัดสินใจใดๆ ถ้าใช้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีระบบการจัดเก็บที่เชื่อถือได้ เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และถ้าผ่านกระบวนการวิเคราห์มาแล้วอย่างเป็นระบบ ย่อมทำให้ การตัดสินใจ มีประสิทธิภาพ การใช้ข้อเท็จจริงเป็นพื้นฐานการตัดสินใจ ทำได้โดย
🌼จัดให้มีการรวบรวม และเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ
🌼 ข้อมูลมีความถูกต้อง เชื่อถือได้และใหม่เสมอ
🌼 มีกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้หลักการทางสถิติ
🌼 เลือกใช้ข้อมูลได้อย่างเหมาะสมและตรงประเด็น
🌼 การตัดสินใจนอกจากจะให้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว ยังต้องใช้ประสบการณ์และการคาดการณ์ล่วงหน้าที่แม่นยำด้วย
8. สัมพันธภาพกับผู้ส่งมอบอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน
ผู้ส่งมอบหรือตัวแทนจำหน่ายมีความสัมพันธ์กับองค์กร โดยมีผลประโยชน์ร่วม
ร่วมกันดังนั้น สัมพันธภาพระหว่างองค์กรกับผู้ส่งมอบจึงต้องส่งเสริมให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันสร้างคุณภาพเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน แนวทางการสร้างสัมพันธ์ภาพกับผู้ส่งมอบพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันได้แก่
🍎 คัดเลือกผู้ส่งมอบที่มีประสิทธิภาพ
🍎 สร้างระบบความสัมพันธ์ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน
🍎สร้างระบบการสื่อสาร หรือเครือข่ายการประสารงานที่มีประสิทธิภาพ
🍎ติดต่อสัมพันธ์กันด้วยความสื่อสัตย์โปร่งใส
🍎 ให้ความจริงใจกับการพัฒนาระบบความสัมพันธ์ โดยเน้นการสร้างคุณภาพให้กับทั้ง 2 ฝ่าย
🍇ระบบการบริหารงานคุณภาพ (Quality Management System)
🍆ข้อกำหนดระบบบริหางานคุณภาพอยู่ในมาตรฐาน ISO 9001:2000 โดยองค์กรต้องจัดระบบการบริหารงานที่ส่งผลให้บรรลุเป้าหมาย และวัตถุประสงค์คุณภาพขององค์กร ระบบบริหารงานหมายถึง โครงสร้างและหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ ภายในองค์กร ระบบบริหารงานจะเกิดประสิทธิภาพและสร้างคุณภาพได้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่อไปนี้
🍬การกำหนดนโยบายและวัตถุประสงค์คุณภาพ เพราะนโยบายและวัตถุประสงค์ขององค์กร คือแนวทางหลักที่หน่วยงานทุกหน่วยงานต้องยืดมั่นและปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์คุณภาพการกำหนดนโยบายและวัตถุประสงค์คุณภาพ มีกระบวนการดังนี้
🍬 การศึกษาและวิจัยตลาด เป็นการศึกษา 2 มิติ ได้แก่ มิติความต้องการของลูกค้าและมิติของคู่แข่งในตลาด
🍬 การศึกษาและวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ เป็นการทบทวน ทดสอบและประเมินผลผลิตภัณฑ์/งานบริการที่ดำเนินการอยู่ หรือที่คิดค้นขึ้นใหม่ว่า ตรงกับความต้องการของลูกค้า และสามารถแข่งขันในตลาดได้
🍏. การกำหนดความคาดหวัง/มาตรฐาน/เป้าหมายของผลิตภัณฑ์หรืองานบริการจากการศึกษาความต้องการของลูกค้าและตลาด เพื่อให้ฝ่ายผลิต และฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมีความชัดเจนในการดำเนินงาน
🍑 การกำหนดกระบวนการผลิต/การบริการ เมื่อมีความชัดเจนด้านมาตรฐานนและเป้าหมายของผลิตภัณฑ์และงานบริการเราก็สามารถกำหนด
🍥 กระบวนการผลิต/การบริการ ตามกระบวนการบริหารงานคุณภาพในแผนภูมิที่ 5.1ได้
🍥 สร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการผลิต/การบริการ ด้วยมาตรฐานการตรวจสอบและเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ
🍟 การวางแผนงานคุณภาพเพื่อกำหนดการใช้ทรัพยากร ในการผลิตหรือการให้บริการอย่างเหมาะสม พอเพียง และเกิดประสิทธิภาพการทำงาน แผนงานหลัก แผนงานประจำปี หรือแผนพัฒนาองค์กร เป็นต้น และมีการวางแผนกลยุทธ์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จตามวัตถุประสงค์คุณภาพที่ตั้งไว้
🍧การปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานความต้องการของลูกค้าโดยการตรวจสอบผลการปรับปรุงงานต่อไป
ความคาดหวังและความต้องการของลูกค้า รวมถึงสภาพการแข่งขันในตลาดไม่คงที่แน่นอน มีการเปลี่ยแปลงตามสภาวะของเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น การศึกษาและวิจัยตลาดจึงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่องด้วย
🍒 สร้างระบบหรือหน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานขององค์กร นอกเหนือจากหน่วยงานที่มีอยู่ เช่น ฝ่ายการจัดซื้อ ฝ่ายคลังสินค้า ฝ่ายผลิต ฝ่ายการเงิน ฯลฯ จะต้องสร้างระบบหรือหน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพดังต่อไปนี้
🌱 ระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพทำให้การเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆมีความสัมพันธ์กัน เข้าใจตรงกัน และสร้างคุณภาพร่วมกันระบบการสื่อสารควรเป็นระบบสื่อสาร แบบ 2 ทาง คือ ทำได้ทั้งส่งข้อมูลและรับข้อมูล
🌱ระบบการประเมินคุณภาพและระบบการตรวจสอบคุณภาพที่มีมาตรฐาน มีความชัดเจน มีข้อบ่งชี้ที่ทุกหน่วยงานรับทราบร่วมและต้องมีแผนการตรวจสอบที่แน่นอนด้วย
🌱 ระบบการฝึกอบรม / พัฒนาบุคลากร ที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องสัมพันธ์กับระบบการปรับปรุงงาน
🌱 ระบบลูกค้าสัมพันธ์ ที่สามารถสร้างเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพในการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ผลิตและผู้จำหน่ายหรือลูกค้า
ระบบการบริหารงานคุณภาพยังต้องใช้หลักการการบริหารงานคุณภาพในองค์กรทั้ง 8 ข้อ ที่กล่าวถึงในข้อ 2. ด้วย
🍅องค์ประกอบของการบริหาร
(Management
Componฟent)
การบริหารงานทั้งภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการ
จำเป้นต้องใช้ปัจจัยและทรัพยากรพื้นฐาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมการผลิตการบริหารจะมีประสิทธิภาพ
และเกิดประสิทธิผลมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ คือ
🍦 เป้าหมาย(Goal) หรือวัตถุประสงค์ที่แน่นอนในการบริหารองค์การ
ผู้บริหารจะต้องมีการกำหนดทิศทางหรือวัตถุประสงค์ของการทำงานได้อย่างชัดเจน
🍦ปัจจัยการบริหาร (Factor of Management) ที่สำคัญได้แก่
🍩 คน (Man)
🍩วัสดุ (Material)
🍩เทคนิควิธี ( Method)
🍩 เครื่องจักร (Machine)
🌳ปัจจัยการบริหารต้องคำนึงถึงผลหลายๆ
ด้านดังนั้นนักบริหารจึงให้ความสำคัญกับการตลาด(Marketing) และถือว่าเป็นปัจจัยการบริหารอีกตัวหนึ่งก็ได้
🍦 ลักษณะของการบริหาร (Management Style) การบริหารเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ผู้บริหารจะต้องนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดต่อองค์การ
🍉กระบวนการบริหาร
ลูเธอร์
กลูวิลค์ ( Luther
Gulick ) ได้จำแนกหน้าที่ของการบริหาร(Function of
management) ที่เรียกว่า การบริหารแบบ Posdcore
Model มีรายละเอียดดังนี้
🌹 P = Planning การวางแผน
หมายถึง
การจัดวางโครงการและแผนการปฎิบัติงานขององค์การไว้ล่วงหน้าว่าจะต้องทำอะไรบ้างและทำอย่างไร
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
🌹O = Organizing การจัดองค์การ
หมายถึง การกำหนดโครงสร้างขององค์การ การแบ่งส่วนงาน การจัดสายงาน
การกำหนดตำแหน่งและหน้าที่ของงานต่างๆ อย่างชัดเจน
🌹S = Staffing การจัดตัวบุคคล
หมายถึง การบริหารงานบุคคลในด้านต่างๆ ขององค์การ ได้แก่ การวิเคราะห์อัตรากำลัง
การจัดอัตรากำลัง การสรรหา การพัฒนาบุคคล การบำรุงรักษาบุคคลให้มีประสิทธิภาพ
🌹D = Directing การอำนวยการ
หมายถึง การวินิจฉัยสั่งการของผู้บริหารองค์การ ในการตัดสินใจ การควบคุมบังคับบัญชาและควบคุมการปฎิบัติงาน
🌹Co = Co-ordinating การประสานงาน
หมายถึง การติดต่อประสานงานที่เชื่อมโยงงานของทุกคน ทุกฝ่ายทั้งภายในและภายนอก
เพื่อให้งานดำเนินไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้
🌹R = Reporting การรายงาน
หมายถึง
การรายงานผลการปฎิบัติงานของหน่วยงานให้ผู้บริหารและสมาชิกขององค์การได้ทราบความเคลื่อนไหวและความเป็นไปของหน่วยงาน
🌹B = Budgeting การงบประมาณ
หมายถึง การจัดทำงบประมาณ การทำบัญชี การใช้จ่ายเงินและการควบคุมตรวจสอบด้านการเงินและทรัพย์สินของ
🍖องค์การคุณภาพ
องค์การคุณภาพเกิดจากการปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
สมาชิกทุกคนขององค์การเลือกรับเอาคุณภาพเป็นส่วนหนึ่งของงานและเป็นวัฒนธรรมขององค์การด้วย
ถึงแม้ว่าองค์การยังไม่มีปัญหา
ธุรกิจจะดำเนินไปด้วยดีและความผิดพลาดมีน้อยก็ตามแต่องค์การก็ต้องคำนึงถึงคุณภาพและจะต้องพัฒนาให้ดีขึ้นมากกว่าคู่แข่งขัน
สิ่งที่ผลักดันให้ทุกองค์การต้องเข้าสู่คุณภาพ คือ
🍡 ความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) ลูกค้าเป็นผู้ที่มีอำนาจการซื้อและมีอิสระในการเลือกสินค้าและบริการจากผู้ผลิตหรือผู้ขายรายใดรายก็ได้
ปัจจุบันข่าวสาร ข้อมูลมีการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง
ลูกค้ามีรสนิยมและความทันสมัยมากขึ้น
การผลิตสินค้าที่ด้อยคุณภาพก็เสื่อมสภาพความต้องการอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นลูกค้าจึงเป็นผู้กำหนดการผลิตขององค์การที่จะต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ไม่ใช่บริษทของผู้ผลิตเป็นผู้ตัดสินใจได้อีกต่อไปสินค้าที่คุณภาพลูกค้าจะเป็นผู้ชี้ขาด ความพอใจของลูกค้า คือ เหตุผลที่ทำให้ลูกค้าเลือกซื้อหรือใช้บริการ
ถ้าองค์การไม่สามารถผลิตสินค้าที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า
องค์การก็ขายสินค้าหรือบริการนั้นไม่ได้
🍡ลดต้นทุน ( Cost Reduction ) การลดต้นทุนการผลิตซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนและรวดเร็วนั้น
คือการลดการสูญเสียต่างๆ ในกระบวนการผลิต ถ้าองค์การผู้ผลิต
ผลิตแต่สินค้าที่มีคุณภาพโดยที่ไม่มีของเสียก็จะทำให้การผลิตต่ำและไม่ต้องมีการแก้ไขงาน( Rework
) หรือสูญเสียวัตถุดิบไปในการผลิต
การผลิตสินค้าและการบริการจึงควรทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรกหรือที่เรียกว่า “
Do it Right Firth Time “ การผลิตสินค้าที่มีข้อบกพร่องไม่ได้คุณภาพ
ผลก็คือ
🍷เสียเวลาและแรงงานที่ใช้ไปในการผลิต ทำให้สูญเสียต้นทุน
🍷 เสียเวลาและแรงงานในการแก้ไขสินค้าและผลิตภัณฑ์
ที่ต้องนำมาแก้ไขใหม่โดยไม่จำเป็น
ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
🍷 การผลิตสินค้าที่ไม่ได้ขนาดตามต้องการ
จะต้องนำกลับเข้ากระบวนการการผลิตใหม่อีกครั้ง
🍷 สินค้ามีตำนิ
ถ้านำไปขายจะขายไม่ได้ราคาและถ้าขายโดยขาดการชี้แจ้งจะทำให้ลูกค้าขาด
ความเชื่อถือ
🍷 เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบสินค้าที่มีข้อบกพร่อง
ถ้าส่งมอบให้ลูกค้าจะส่งผลให้
- ลูกค้าไม่พอใจสินค้า อาจขอเปลี่ยนหรือแจ้งให้ทำการแก้ไข
สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดค่าใช้จ่าย
และต้นทุนทั้งสิ้น
- ลูกค้าขาดความเชื่อถือและอาจเป็นสาเหตุทำให้เปลี่ยนไปซื้อสินค้าจากผู้ผลิตรายอื่น
🍡 คู่แข่ง ( Compotitor ) นโยบายของรัฐที่เปิดให้ธุรกิจมีการแข่งขันกันอย่างเสรี
ทำให้ไม่อาจปิดกั้นการมีคู่แข่งได้คู่แข่งไม่เพียงแต่จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นแต่ยังได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตของตนเองอีกด้วย
ดังนั้นสภาพการแข่งขันจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ลูกค้าจะยอมจ่ายเพื่อสิ่งที่ดีและพอใจโดยไม่จำเป็นจะต้องราคาถูก
ข้อสังเกตุ
- สินค้าที่ราคาเท่ากัน ลูกค้าจะเลือกสิ่งที่สนองตอบความต้องการได้มากกว่า
- สินค้าที่ราคาต่างกัน ถ้าลูกค้าเชื่อว่าสินค้านั้นมีคุณภาพดีกว่า
ลูกค้าจะไม่รู้สึกว่าสินค้าที่ราคาสูงนั้น แพงกว่า
🍡 วิกฤตการณ์ (Crisis) การสร้างองค์การที่คุณภาพ
จะต้องเริ่มจากผู้บริหารระดับสูงกำหนดนโยบายอย่างชัดเจน
จากนั้นจึงจัดลำดับสายงานความรับผิดชอบ
จนถึงผู้ปฎิบัติงานระดับล่างเพื่อสร้างวัฒนธรรมทางคุณภาพให้เกิดทั่วทั้งองค์การ
องค์การที่มีคุณภาพ จะมีระบบบริหารงานที่มีการป้องกันมากกว่าการแก้ไข
องค์การจึงสามารถปรับสถานการณ์หรือจัดการกับวิกฤตการณ์ต่างๆ ได้ เนื่องจากมีการป้องกันและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
🌴ต้นทุนคุณภาพ
ต้นทุนคุณภาพ ( Cost ) หมายถึง ค่าใช้จ่ายต่างๆ
ที่องค์การได้จ่ายไปเพื่อดำเนินการผลิตสินค้าหรือบริการ ตลอดจนภาระต่างๆ
ภายหลังจากการขายสินค้าให้กับลูกค้าตามข้อตกลง
ต้นทุนจะเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ขั้นตอนของการออกแบบผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต จัดเก็บ
ขนส่ง จนกระทั้งส่งมอบให้กับลูกค้า ดังนั้น
ต้นทุนในที่นี้จึงหมายถึงต้นทุนการดำเนินการ (Operating) ที่เกี่ยวข้องกับทุกๆขั้นตอนในการปฏิบัติงาน ซึ่งประกอบด้วย
🍼 ต้นทุนวัตถุดิบ หมายถึง
ค่าวัตถุดิบที่องค์การจัดซื้อมาจากหน่วยงานภายนอก เพื่อนำมาผลิตเป็นสินค้าหรือบริการ ตลอดจนค่าวัสดุต่างๆ ที่จำเป็นจะต้องใช้ในการผลิต
🍼 ต้นทุนของเครื่องจักร หมายถึง
ต้นทุนการทำงานของเครื่องจักรเพื่อทำการผลิตผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ค่าพลังงานและเชื่อเพลิงที่ใช้ในการขับเครื่องจักร
ตลอดจนค่าซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักร
🍼 ต้นทุงแรงงาน หมายถึง
ค่าจ้างพลังงานในสายการผลิตและเพื่อมาทำหน้าที่ต่างๆ เช่น การตรวจสอบคุณภาพสินค้า
การวางแผนการผลิต เป็นต้น
การดำเนินธุรกิจสิ่งที่ผู้ประกอบการและพนักงานที่อยู่ในองค์การการผลิตคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนการดำเนินงานก็คือ “กำไร” เพราะกำไรที่จะได้นำไปลงทุนในด้านต่างๆ ขององค์การ เช่น
การปรับปรุงอาคารสถานที่ทำงาน ระบบการผลิต
รวมทั้งการเพิ่มสวัสดิการให้แก่พนักงาน ตลอดจนเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ฯลฯ
การดำเนินการขององค์การไม่มีกำไรจากการทำธุรกิจแล้ว
ทั้งผู้ประกอบการและสำนักงานจะได้รับผลกระทบโดยตรง กำไรจึงมีความสัมพันธ์กับราคาขายและต้นทุน
การบริหารการผลิตจึงมีความสัมคัญอย่างมาก สมการพื้นฐานของต้นทุนและกำไร
สามารถสร้างได้ ดังนี้
ต้นทุน + กำไร =
ราคาขาย--------------------(1)
ราคาขาย - ต้นทุน =
กำไร-------------------------(2)
ถ้าพิจารณาความถูกต้องทางคณิตศาตร์แล้ว สองสมการข้างต้นจะไม่แตกต่างกันเลย แต่ในความหมายด้านการบริหารด้านการผลิตแล้ว แต่ละสมการจะให้แนวคิดที่แตกต่างกันมาก
ต้นทุน + กำไร = ราคาขาย
ราคาขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์จากสมการนี้
จะถูกกำหนดขึ้นโดยการนำต้นทุนทั้งหมดของการผลิตบวกกำไรที่ต้องการ
วิธีการตั้งราคาขายเช่นนี้เรียกว่า Cost-Pluse Method วิธีการนี้จะต้องรู้หรือประมาณการต้นทุนเพื่อการผลิตให้ได้ก่อน
ปัจจุบันมักเรียกวิธีนี้ว่า การตั้งราคาแบบ โปรดักด์เอาต์ (Product-Out
Pricing) ซึ่งเป็นแนวความคิดที่พยายามจะยัดเยียดสินค้าให้แก่ผู้ซื้อตามความต้องการของผู้ผลิต
ราคาขาย -
ต้นทุน = กำไร
องค์การจะคำนึงถึงราคาขายเป็นอันดับแรก
เนื่องจากราคาขายจะคงที่และถูกกำหนดโดยภาวะการตลาดหรือคู่แข่ง
กำไรของกิจการจะเกิดขึ้นจากส่วนต่างๆจากราคาขายหักด้วยต้นทุนทั้งหมด
กำไรที่จะได้รับจะมากหรือน้อยจึงขึ้นอยู่กับต้นทุน ถ้าต้นทุนสูง
กำไรที่ได้จะลดน้อยลง ดังนั้น เมื่อต้องการให้มีกำไรมากขึ้น
ผู้บริหารจึงต้องหาวิธีการลดต้นทุนให้ต่ำลง และเพิ่มผลผลิตให้ได้มากขึ้น
การลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำ หรือให้ต้นทุนคงที่นั้น
ผู้บริหารจะต้องตัดสินใจเกี่ยวกับวัตถุดิบที่จะใช้ผลิต
วิธีการผลิตและจำนวนพนักงานที่จะต้องใช้แนวคิดตามสมาการนี้
เป็นการนำเอาความต้องการทางการตลาดเป็นจุดเริ่มต้น เรียกว่า
การตั้งราคาแบบมาร์เก็ดอิน (Market-In Pricing) เป็นแนวความคิดที่จะผลิตสินค้าโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ซื้อเป็นเกณฑ์
วิธีในการเพิ่มกำไรหรือคงระดับกำไรไว้จะทำได้ 2 วิธี
คือ การเพิ่มราคาขายให้สูงขึ้น และการลดต้นทุนลงให้ต่ำลง
🍓 การเพิ่มราคาขายให้สูงขึ้น
ผู้ประกอบการจะต้องทำการศึกษาและวิเคราะห์ถึงผลที่จะตามมาให้รอบคอบเสียก่อนที่จะทำการขึ้นราคาขาย
เพราะถ้าราคาขายต่อหน่วยสูงขึ้น แต่ทำให้ยอดขายลดลง
ลูกค้าเปลี่ยนไปซื้อสินค้าจากผู้ผลิตรายอื่นที่ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเท่าเทียมกัน
แต่ขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่า
กำไรต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ผลกำไรรวมสูงขึ้นไปด้วยหรือไม่เพราะ
กำไรรวม = กำไรต่อหน่วย × ยอดขาย
ตัวอย่าง เดิมองค์การขายสินค้าในราคา 8 บาท/ชิ้น โดยที่ต้นทุนของสินค้า 5 บาท/ชิ้น
และมียอดเป็น 5,000 ชิ้น/สัปดาห์ ต่อมาบริษัทเพิ่มราคาขายเป็น 10 บาท/ชิ้น
โดยที่ต้นทุนยังคงที่ แต่มียอดขายเพียง 2,500 ชิ้น/สัปดาห์
สามารถเปรียบเทียบกำไรขององค์การได้ดังนี้
ก่อนชึ้นราคา กำไร/ชิ้น เป็น 8 – 5 = 3 บาท
กำไรรวม เป็น 5,000 × 3 = 15,000 บาท/สัปดาห์
หลังขึ้นราคา กำไร/ชิ้น เป็น 10 -5 = 5 บาท
กำไรรวม เป็น 5 × 2,500 = 12,500 บาท/สัปดาห์
แสดงให้เห็นว่า การที่ขึ้นราคาสินค้าโดยการขาดการวิเคราะห์อย่างรอบคอบแล้วนอกจากผลกำไร
จะไม่เพิ่มขึ้นตามที่ต้องการแล้ว ยังทำให้กำไรรวมลดลงอีกด้วย
🍹 การลดต้นทุนให้ต่ำลง
วิธีการนี้เหมาะที่จะใช้ได้ในทุกสถานะการณ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีการแข่งขันในทุกวันนี้ และทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด
ทุกองค์การจำเป็นที่จะต้องช่วยกันประหยัดอนุรักษ์ทรัพยากรต่างๆ
โดยการใช่อย่างคุ้มค่า การลดต้นทุนมีหลายแนวทาง ที่สำคัญองค์การจะต้องคำนึงถึง
คุณภาพควบคู่ไปกับการลดต้นทุนด้วย มิฉะนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ
ขึ้นในกระบวนการผลิต เช่น
การลดต้นทุนวัตถุดิบโดยการซื้อวัตถุดิยราคาถูกโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของวัตถุดิบ
ถ้าวัตถุดิบมีคุณภาพต่ำเมื่อนำมาผ่านกระบวนการผลิตอาจทำให้เกิดของเสีย
ทำให้ต้นททุนวัตถุดิบ เวลา แรงงาน การใช้เครื่องจักรเพื่อทำการผลิตในส่วนนั้นสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
นอกจากนั้นยังต้องเสียเวลาและแรงงานในการแยกและการแก้ไขชิ้นงานอีกด้วย
🍳เพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับหน่วยงาน
🍳 ปรับปรุงประสิทฺภาพและประสิทธิผลการผลิต
🍳 ลดการใช้ทรัพยากรลงได้จากการควบคุมที่มีคุณภาพ
🍳 ลูกค้าสามารถซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์
และบริการที่มีคุณภาพดี ราคาถูก
🍀ประเภทต้นทุนคุณภาพ
ต้นทุนคุณภาพ (Cost of Quality) หมายถึง
ต้นทุนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการ
แบ่งต้นทุนคุณภาพออกเป็น 3 ชนิดดังนี้
🍨 ต้นทุนการป้องกัน (Cost of
Prevention ) หมายถึง ต้นทุนในการบริหารคุณภาพ กระบวนการ
วิจัยข้อมูลคุณภาพ การฝึกอบรม เป็นต้น
🍨ต้นทุนการประเมิน (Cost of
Inspection ) หมายถึง ต้นทุนในการตรวจอบ
การสอบเทียบและต้นทุนการบำรุงรักษาอุปกรณ์ตรวจสอบ การทดสอบการผลิต
ต้นทุนการทดสอบพิเศษและต้นทุนการตรวจสอบติดตามคุณภาพ
🍨 ต้นทุนความล้มเหลว ( Cost of
Failure ) แบ่งออกเป็น
🍵 ต้นทุนความล้มเหลวภายในองค์การ ได้แก่ ต้นทุนของเสีย
การทำงานซ้ำในกระบวนการผลิตการทำงานซ้ำงานอื่นๆ และต้นทุนการปฎิบัติการแก้ไข
🍵 ต้นทุนความล้มเหลวภายนอก ได้แก่ ต้นทุนในการจ่ายเงินชดเชยต่างๆ เป็นต้น
🍪แนวทางการลดต้นทุน
การลดต้นทุน
ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตเป็นการลดต้นทุนในทุกวิถีทางในทุกสัดส่วนของกำไรเพิ่มขึ้น
ขณะที่คุณภาพของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์จะต้องมีการเพิ่มยอดขายหรือเพิ่มส่วนแบ่งของตลาด
การลดต้นทุนจะทำให้องค์การสามารถยืนหยัดอยู่ได้
การที่จะเลือกผลิตสินค้าหรือการให้บริการใดๆ
การผลิตหรือบริการนั้นจะต้องมีคุณภาพเท่านั้น จึงจะอยู่รอดในสภาพของการแข่งขัน
องค์การการผลิตได้ทำการวิเคาระห์และกำหนดแนวทางในการลดต้นทุน 3 ประการดังนี้
🐥ต้นทุนวัตถุดิบ
การลดต้นทุนการผลิตทำได้ดังนี้
🍫การใช้หลักวิศวกรรมคุณค่า ( Value -
Engineering ) การผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์จำเป็นที่องค์การจะต้องทำการวิเคราะห์การใช้วัตถุดิบว่ามีเหมาะสมหรือไม่
และสามารถใช้วัตถุดิบอื่นที่มีคุณสมบัติทัดเทียมหรือดีกว่าใช้แทนได้อย่างไร
วัตถุดิบเหล่านี้มีวิธีการอย่างไร
เมื่อนำไปใช้จะทำให้เกิดความสูญเสียในกระบวนการผลิตน้อยลง
ทำให้การผลิตเป็นไปอย่างมรประสิทธิภาพ
🍫 ขจัดการสูญเสียของวัตถุ
การลดต้นทุนลักษณะนี้อาจทำได้โดยการเปลี่ยนวิธีการผลิตเพื่อให้ของเสียจากกระบวนการผลิตลดลง
โดยการจัดระบบต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพเพื่อลดการคั่งค้างของวัสดุคงคลัง
ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการตรวจเช็กปริมาณวัสดุเสื่อมคุณภาพที่อาจตกค้างทำให้สะดวกต่อการทำงานของพนักงาน
🐥 ต้นทุนการทำงานของเครื่องจักร
เครื่องจักรโดยทั่วไปจะมีกำหนดอายุการทำงานการบำรุงรักษาเครื่องจักร
ต้องเป็นร่วมมือระหว่างพนักงานควบคุมเครื่องกัยฝ่ายซ่อมบำรุงโดยพนักงานผู้ควบคุมเครื่องจะต้องบำรุงรักษาเครื่องจักรในเบื้องต้น
เช่น การตรวจสอบน้ำมันหล่อลื่นตามกำหนด
ดูแลสังเกตการทำงานของเครื่องว่าปกติหรือไม่ ถ้าพบว่ามีสิ่งผิดปกติ
ก็ควรจะทำการตรวจหาสาเหตุ
และเสนอรายงานให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้รับรู้เกี่ยวกับข้อมูลต่างๆเพื่อหาทางแก้ไข
ฝ่ายซ่อมบำรุงจะต้องวางแผนการบำรุงรักษาเครื่องจักรให้อยู่ในสภาพที่ดี
และไม่ปล่อยให้เครื่องจักรเดินโดยไม่ได้ทำการผลิต
เพราะจะทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
การบำรุงรักษาเครื่องจักรให้อยู่ในสภาพที่ดี มีผลดังนี้
🍐 ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักรเป็นผลให้ตนทุนต่ำลง
🍕ผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่องตรงตามกำหนดการผลิต
(Production Schedution )
🍐 ส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าได้ตรงตามเวลาที่ลูกค้าต้องการ
🍕ลดของเสียลงได้เนื่องจากเครื่องจักรอยู่ในสภาพที่ดี
🍍 ต้นทุนค่าจ้างของพนักงาน
การลดต้นทุนค่าจ้างของพนักงานไม่ใช่การลดค่าจ้างของพนักงานหรือปลดพนักงานออก
แต่เป็นการปรับปรุงพัฒนาพนักงานให้ปฎิบัติงานอย่างมีประสิทธิผลสูงขึ้นโดยการฝึกอบรมและสอนงานให้พนักงานมีความรู้
ความเข้าใจและมีทักษะการทำงาน ซึ่งจะสามารถลดเวลาการผลิตงานแต่ละชิ้นให้สั้นลงได้
ทำให้ผลิตชิ้นงานได้มากขึ้น ลดปัญหาการแก้ไขงานที่เสียลงไปได้อีกด้วย พนักงานควรมีทักษะการทำงานหลายๆ ด้าน ( Multi – Skilled ) และสามารถทำงานทดแทนกันได้เมื่อพนักงานขาดงานการลดต้นทุนค่าจ้างทำได้จากการปรับปรุงพัฒนาความสามารถในการทำงานพนักงาน
ไม่ใช่การลดค่าจ้างหรือปลดพนักงานออก ตามที่กล่าว
สืบค้น วันที่ 29 พฤศจิกายน 2561
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น